ในยุคที่น้ำมันแพง รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลับกลายเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดค่าน้ำมัน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะซื้อรถ EV ได้ทันที บทความนี้เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ วิธีประหยัดน้ำมัน ว่าควรขับยังไงให้สิ้นเปลืองน้อยที่สุด จะเป็นรถเกียร์ออโต้หรือเกียร์ธรรมดาก็สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ได้
ขับรถยังไงให้ประหยัดน้ำมัน
1. อย่าออกตัวรถแบบกระชาก
การออกตัวรถเบา ๆ เป็นวิธีประหยัดน้ำมันที่คุณควรทำ เพราะถ้าเราออกตัวแบบกระชาก เครื่องยนต์ก็จะทำงานหนักโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้กินน้ำมันนั่นเอง ถ้าพูดให้เห็นภาพก็เหมือนกับการที่มีคนเอาของหนัก ๆ มาใส่หลังเราแล้วให้เดินไปเลย ซึ่งต้องรวบรวมแรงมหาศาลในการแบก แถมร่างกายยังสึกหรอไวด้วย เครื่องยนต์ก็ไม่ต่างกัน
2. เวลาเร่งแซงอย่าเหยียบมิด
สายคิกดาวน์หรือเหยียบมิดจะต้องเลิกทำสิ่งนี้เวลาเร่งแซง แล้วหันมาใช้วิธีประหยัดน้ำมันอย่างการใช้ระบบ Overdrive หรือ O/D บางยี่ห้ออาจจะเป็นเกียร์ D3 ที่ช่วยให้เราไม่ต้องเหยียบคันเร่งมาก แต่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล เนื่องจากระบบจะลดรอบเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ทำให้กินน้ำมันน้อยลงนั่นเอง
3. ช่วงเคลื่อนตัวช้าให้ใช้ Walking Speed
การขับรถให้ประหยัดน้ำมันสำหรับเกียร์ออโต้ หากเจอรถติดแล้วเราต้องขยับไปข้างหน้าแค่ระยะทางสั้น ๆ ลองประเมินความเร็วรถยนต์คันข้างหน้าก่อน ถ้าไม่มากแนะนำให้ใช้ Walking Speed หรือใส่เกียร์ D ให้รถไหลไปเองแทนการเหยียบคันเร่งจะดีกว่า เพราะยิ่งเร่งน้อยจะยิ่งประหยัด
4. เดินคันเร่งให้เนียน
อีกหนึ่งวิธีประหยัดน้ำมันที่เราควรรู้ คือ การเดินคันเร่งให้เนียน โดยเริ่มจากค่อย ๆ เหยียบไปที่ความเร็วที่ต้องการ จากนั้นก็ผ่อนคันเร่งเพื่อให้ความเร็วคงที่ ซึ่งรอบจะลดลงเล็กน้อย แบบนี้จะประหยัดน้ำมันกว่าการเหยียบค้างอยู่ที่ความเร็วนั้นตลอดเวลา แถมยังใช้แรงกดคันเร่งน้อยลงด้วย
5. เน้นชะลอมากกว่าเบรก
วิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมัน คือ อย่าเบรกบ่อยถ้าไม่จำเป็น! ให้เน้นชะลอเข้าไว้ เพราะทุกครั้งที่แตะเบรกความเร็วจะลดลงกว่าปกติ การจะเร่งความเร็วขึ้นให้เท่าเดิมจึงต้องรวบรวมพลังงานมหาศาลเพื่อส่งแรงไปข้างหน้า ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างหนัก
6. ใส่เกียร์ว่างถ้ารถติดนาน
หากรถติดเป็นเวลานาน แนะนำให้ใส่เกียร์ว่างแล้วดึงเบรกมือขึ้นจะดีกว่า เพราะการใส่เกียร์ D แล้วเหยียบเบรกค้างไว้ จะทำให้เครื่องยนต์พร้อมออกตัวตลอดเวลา อัตราการกินน้ำมันจึงมากกว่าการใส่เกียร์ว่าง
7. ขึ้นทางชันให้ใช้เกียร์ L
บางทีเราอาจตกใจว่าใส่เกียร์ L ตอนขึ้นทางชัน รถต้องซดน้ำมันฮวบแน่ ๆ แต่ความจริงแล้วมันคือวิธีที่ถูกต้อง เนื่องจากเกียร์ L จะใช้แรงบิดส่งรถขึ้นโดยไม่ต้องออกแรงสู้กับแรงต้านมากจนเกินไป ทำให้ประหยัดน้ำมันมากกว่าการใช้เกียร์ D
8. พยายามอย่าเลี้ยงคลัตช์
นี่คือวิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมันสำหรับเกียร์ธรรมดา ดังนั้น อย่าเลี้ยงคลัตช์! เพราะยิ่งเลี้ยงยิ่งกินน้ำมันมาก แถมยังทำให้แผ่นคลัตช์สึกหรอไวด้วย
9. เป็นไปได้อย่าบรรทุกของหนัก
รู้สึกไหมว่าเวลาเราขนของใส่รถหนัก ๆ รถจะใช้แรงในการขับเคลื่อนมากกว่าปกติ และนี่คือหนึ่งสาเหตุที่ทำให้น้ำมันรถหมดไว ดังนั้น พยายามอย่าบรรทุกของหนักถ้าไม่จำเป็น
10. อย่าปรับแอร์เย็นจนเกินไป
ยิ่งเราปรับแอร์ให้เย็นมากเท่าไร รถก็ยิ่งกินน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าอยากให้รถเย็นเร็ว ๆ มันก็ต้องเร่งตัวเองให้ทำงานไว ๆ เช่นกัน จึงไม่แปลกที่จะขอกินน้ำมันเพิ่มอีกหน่อย
11. หลีกเลี่ยงเส้นรถติด
เวลารถติดเรามักจะเหยียบแล้วก็เบรกบ่อย ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุให้สิ้นเปลืองน้ำมัน ทางที่ดีหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้นจะดีกว่า ไกลนิดหน่อยแต่อาจช่วยให้เราประหยัดน้ำมันมากขึ้น
12. หมั่นเช็กลมยาง
อีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยประหยัดน้ำมัน คือ พยายามอย่าให้ลมยางอ่อนจนเกินไป เพราะจะทำให้แรงเสียดทานเพิ่มขึ้น สังเกตว่าเวลารถยางแบนจะใช้แรงในการเคลื่อนที่มากกว่า แต่ถ้าลมยางพอดี รถจะเคลื่อนที่ได้ไวและเบากว่า ดังนั้น ถ้าอยากประหยัดน้ำมันรถก็ควรเช็กลมยางบ่อย ๆ
13. แต่งรถแต่พอดี
สังเกตว่ารถสปอร์ตเขาจะออกแบบรถให้ลู่ลมเพื่อให้เกิดแรงต้านน้อยลง และถ้าเราไปแต่งรถ ติดอุปกรณ์ต่าง ๆ เยอะขึ้น มันก็เหมือนกับการไปเพิ่มแรงต้านให้รถ ซึ่งจะทำให้กินน้ำมันกว่าเดิม ดังนั้น ควรแต่งรถอย่างพอดี
14. ใช้เทคโนโลยีช่วยประหยัดน้ำมัน
เดี๋ยวนี้รถรุ่นใหม่ ๆ จะมี Eco Mode เพื่อให้เราขับรถแบบประหยัดน้ำมันได้ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Start/Stop เพื่อหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราว ซึ่งทำให้รถหยุดจ่ายน้ำมันในขณะหนึ่ง เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีระบบ Cruise Control เพื่อรักษาความเร็วให้คงที่ เป็นอีกวิธีประหยัดน้ำมันที่เราควรใช้
15. ไปที่ไหนให้วางแผนก่อนเดินทาง
หากเรารู้เส้นทางที่จะไปก่อนเดินทาง จะช่วยให้เราประหยัดทั้งน้ำมันและเวลาได้ เพราะเราสามารถเลือกเส้นทางที่รถไม่ติดและทางลัดที่ใกล้กว่าได้ ที่สำคัญ คือ การวางแผนจะทำให้เราไม่ต้องหลงทางวนรถไปมาให้เปลืองน้ำมันด้วย
เพียงขับรถตามวิธีเหล่านี้ก็สามารถประหยัดน้ำมันได้แล้ว แม้วิธีดังกล่าวจะประหยัดได้แค่เล็กน้อย แต่ถ้ารวมกันแล้วได้เป็นลิตร รถของเราอาจจะวิ่งได้อีก 10 – 20 กิโลเมตรก็ได้นะ