สมัยนี้รถยนต์ส่วนใหญ่แทบไม่ต้องบิดกุญแจสตาร์ตรถกันแล้ว เนื่องจากมี ปุ่ม Push Start มาให้ เพียงแค่กดปุ่มนี้รถก็ติดแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าปุ่ม Push Start จะมีเหมือนกันทุกรุ่นยี่ห้อ เพราะบางแบรนด์ก็ให้เฉพาะรุ่นท็อป แบรนด์ไหนใจดีหน่อยก็ให้เป็นออปชันมาตรฐาน
ถ้าสตาร์ตรถมันง่ายขนาดนี้ วันหนึ่งเกิดเผลอไปโดนตอนขับรถอยู่จะเป็นยังไง หรือลูกหลานเห็นเรากดเลยอยากกดบ้าง จู่ ๆ ก็โผล่มากดปุ่ม Push Start ตอนรถกำลังวิ่ง แบบนี้จะอันตรายไหม มีวิธีแก้ยังไงบ้าง ไปดูคำตอบกัน
ปุ่ม Push Start คืออะไร
Push Start คือ ปุ่มที่ใช้สตาร์ตรถแทนการบิดกุญแจ โดยจะทำงานควบคู่กับ Smart Key ซึ่งถ้าเราพกติดตัวไว้ เวลากดปุ่มสตาร์ต ระบบไฟฟ้าภายในรถและเครื่องยนต์ก็จะทำงานทันที แต่ถ้าไม่มี Smart Key ไว้ใกล้ตัว ก็จะไม่สามารถสตาร์ตรถได้ เนื่องจากซอฟต์แวร์ในกล่อง ECU จะส่งและรับสัญญาณโดยคลื่นความถี่ต่ำ การจะสตาร์ตรถให้ติดจึงอยู่ระยะสัญญาณเท่านั้น

หลักการทำงานของปุ่ม Push Start
การสตาร์ตรถด้วยปุ่ม Push Start เราต้องเหยียบเบรกแล้วกดปุ่มค้างไว้ 2-3 วินาทีจนเครื่องยนต์ติด
แล้วถ้าไม่เหยียบเบรก ไม่กดค้างล่ะ จะเป็นยังไง?
- กดปุ่ม Push Start 1 ครั้ง = บิดกุญแจ 1 ครั้ง สามารถเปิดวิทยุฟังเพลงได้
- กดปุ่ม Push Start 2 ครั้ง = เปิดใช้งานระบบไฟฟ้า สามารถปรับกระจก หรือเช็กสถานะต่าง ๆ ที่แผงหน้าปัดได้
- กดปุ่ม Push Start 3 ครั้ง = ปิดระบบไฟ แต่ถ้าเหยียบเบรกด้วยแล้วกดปุ่ม Push Start จะเป็นการสตาร์ตเครื่องยนต์
Smart Key แบตหมดทำยังไงดี?
อย่าเพิ่งตกใจไปถ้า Smart Key แบตหมด เพราะเรายังสามารถเปิดและสตาร์ตรถได้อยู่ เนื่องจากแบตเตอรีในรีโมตมีแบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1) ล็อก/ปลดล็อกประตู และ 2) สื่อสารกับตัวรถก่อนเริ่มสตาร์ต
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงปลดล็อกประตูรถได้ในขณะที่แบตหมด แต่ถ้าสตาร์ตรถไม่ติด ให้เราดันสลักด้านหลังของ Smart Key ออก จะมีกุญแจเด้งออกมา จากนั้นให้นำกุญแจไปทาบใกล้กับปุ่ม Push Start พร้อมเหยียบแป้นเบรกแล้วกดสตาร์ตได้เลย หลังจากนั้นอย่าลืมไปเปลี่ยนแบตรีโมตนะ
เผลอกดปุ่ม Push Start จะเป็นอะไรไหม
หากเผลอกดปุ่ม Push Start เพียงเสี้ยววินาทีจะไม่เป็นอะไร ตัวรถยังสามารถวิ่งได้ปกติ แต่ถ้ากดนาน 2-3 วินาที ทั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์ก็จะหยุดทำงานทันที เพราะถือว่าเราตั้งใจดับเครื่อง ซึ่งอันตรายมาก ๆเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุชนท้ายได้
เท่านั้นยังไม่พอ หากรถดับกลางอากาศระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ก็จะไม่ทำงาน ทำให้พวงมาลัยมีน้ำหนักที่มากขึ้น ควบคุมได้ยาก ขณะเดียวกันระบบเบรกก็จะเริ่มติดขัด ซึ่งจะเหยียบได้แค่ 1-2 ครั้ง จากนั้นจะเหยียบให้รถหยุดไม่ได้อีก เพราะปั๊มเบรกไม่ทำงานแล้วนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ปุ่ม Push Start มักมีการออกแบบให้เราเผลอไปโดนได้ค่อนข้างยาก ยกเว้นกรณีที่ตำแหน่งอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งมีโอกาสที่เด็ก ๆ อาจเผลอไปกดเล่นได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น เราควรตรวจสอบให้ดีว่ารถของเรามีระบบจัดการกับเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่อย่างไร

วิธีแก้ปัญหาเมื่อเผลอกดปุ่ม Push Start
ถ้าเผลอกดปุ่ม Push Start จนเครื่องยนต์ดับ ให้รีบเปลี่ยนเกียร์ไปที่ตำแหน่ง N หรือเกียร์ว่างทันที พร้อมกับเหยียบเบรกลึก ๆ จนกว่าสัญญาณไฟเบรกจะทำงาน จากนั้นให้รีบกดปุ่ม Push Start เพื่อสตาร์ตให้รถติดอีกครั้ง
อีกวิธีหนึ่ง คือ ให้ประคองรถเข้าเลนซ้ายโดยไม่ต้องเหยียบเบรกเพื่อให้รถมีแรงเฉื่อย เมื่อรถหยุดนิ่งแล้วค่อยสตาร์ตใหม่ ก่อนเข้าเลนซ้ายอย่าลืมระวังรถจากด้านหลังด้วย และแนะนำให้เปิดไฟฉุกเฉินจะดีกว่า
ปุ่ม Push Start สะดวกสบายและใช้งานง่ายก็จริง แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ตัวเองและคนอื่นเผลอไปกดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้