เบาะรถยนต์แบบหนัง และ แบบผ้า ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไปจนหลายท่านอาจจะสังสัยว่า ระหว่างเบาะแบบหนัง กับ เบาะแบบผ้า จะเลือกแบบไหนดี แต่ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับเบาะรถยนต์ประเภทต่าง ๆ กันก่อนครับ ว่ามีแบบไหนบ้าง

เบาะรถยนต์มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

1. เบาะหนังแท้

เบาะหนังแท้ คือ เบาะรถยนต์ที่ผลิตจากหนังของสัตว์ เช่น หนังวัว หนังควาย หรือหนังแกะ โดยก่อนที่จะนำมาทำเป็นเบาะรถยนต์ได้นั้น จะต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนด้วยกัน เช่น

  • การฟอกสี
  • การกำจัดกลิ่น
  • การทำให้หนังมีความนุ่ม
  • การตัดเย็บ

2. เบาะหนังเทียม

เบาะหนังเทียม คือ เบาะหนังที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนเบาะหนังแท้ แบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

  • เบาะหนังเทียมแบบ PVC ผลิตจากเนื้อพลาสติก Polyvinyl Chloride ที่ผ่านกรรมวิธีฟอก ย้อม แล้วนำมาตัดเย็บเข้ากับใยผ้า ตัวเบาะจะมีความนุ่มในระดับหนึ่ง แต่อาจไม่เท่ากับเบาะหนังแท้
  • เบาะหนังเทียมแบบ PU เป็นหนังเทียมที่สังเคราะห์ขึ้นจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้โพลีออล กับไดไอโซไซยาเนต เป็นส่วนผสมในการผลิต

เบาะหนังเทียมแบบ PU จะมีความคล้ายกับเบาะหนังแท้มากกว่าเบาะแบบ PVC และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า

3. เบาะผ้า

เบาะผ้า เป็นเบาะรถยนต์ชนิดหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อยในรถยนต์หลายรุ่น ซึ่งผ้าที่นำมาทำเบาะรถยนต์นั้นก็มี 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

  • เบาะผ้าสังเคราะห์ เป็นเบาะรถยนต์ที่มีราคาไม่สูงมากนัก ให้ความนุ่ม สบาย สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตัวเบาะสามารถตัดเย็บเพิ่มลูกเล่นหรือลวดลายต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม ดูสปอร์ตมากขึ้น
  • เบาะผ้ากำมะหยี่ คือ เบาะรถยนต์ที่มีความนุ่ม สบาย เนื้อผ้าดูหรู เพิ่มความพรีเมียมให้กับรถ นอกจากนี้ยังสามารถตัดเย็บเพิ่มลูกเล่นหรือลวดลายต่าง ๆ ได้ ตัวเบาะไม่ลื่นไถลเมื่อขับขี่เข้าทางโค้ง
เบาะหนัง

เบาะแบบหนัง กับ เบาะแบบผ้า แบบไหนดีกว่ากัน

ถ้าจะถามว่า เบาะรถยนต์แบบหนัง กับ เบาะรถยนต์แบบผ้า แบบไหนดีกว่ากัน คำตอบก็อาจจะขึ้นอยู่ขับผู้ขับขี่รถยนต์หรือผู้ที่ใช้งานมากกว่าว่า ชื่นชอบเบาะแบบไหน เพราะแท้จริงแล้วเบาะรถยนต์ทั้ง 2 ชนิด ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปตามไลฟ์สไตล์การใช้งานของแต่ละคน

ข้อดีข้อเสีย ของเบาะรถยนต์แต่ละแบบ

เบาะรถยนต์แบบหนังแท้

ข้อดีคือ เป็นเบาะรถยนต์ที่มีความสวยงาม หรูหรา ทำความสะอาดง่าย ไม่ดูดซับน้ำและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ในขณะที่ข้อเสีย คือ ต้องดูแลมากเป็นพิเศษ อีกทั้งเบาะหนังแท้จะไม่ค่อยทนต่อความร้อนและแสงแดด ถ่ายเทความร้อนได้ไม่ดี หากต้องจอดรถตากแดดเป็นประจำตัวเบาะอาจแตกลายงาได้ และที่สำคัญมีราคาที่ค่อนข้างสูง

เบาะรถยนต์แบบหนังเทียม

ข้อดีคือ มีการดีไซน์ที่ดูสวยงาม ทันสมัย ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ดูดซับน้ำ อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่าเบาะรถยนต์แบบหนังแท้ ในขณะที่ข้อเสียของเบาะหนังเทียม คือ หากไม่มีการดูแลรักษาก็มีโอกาสแตกลายงาได้ง่ายกว่าเบาะหนังแท้ ไม่ถ่ายเทความร้อน และอาจมีกลิ่นจากขั้นตอนการผลิตได้

เบาะรถยนต์แบบผ้า

ข้อดี คือมีราคาถูก มีสีสันสวยงาม มีลวดลายที่หลากหลาย ไม่ดูดซับความร้อน ถ่ายเทความร้อนได้ดี  ส่วนข้อเสีย คือ เบาะผ้าจะทำความสะอาดได้ยาก สะสมฝุ่น สิ่งอับชื้น และสิ่งสกปรกมากกว่าเบาะหนัง คราบต่าง ๆ เห็นได้ชัดหากเปราะเปื้อน อมน้ำและความชื้น และวิธีทำความสะอาดจะต้องฟอกเบาะเท่านั้น ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

ขอบคุณข้อมูลจาก : One2car.com, Carpuchino.com, kapook.com