การ ขับรถเที่ยวต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง เพราะเราสามารถกำหนดเส้นทางและเวลาได้เอง อยากไปที่ไหนเวลาใด หรืออยากจะแวะเที่ยวตรงไหนก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่ารถไฟจะหมดกี่โมง จะมีแท็กซี่ให้เรียกไหม ค่าแท็กซี่จะแพงหรือเปล่า แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมที่จะศึกษาขั้นตอนการดำเนินงาน รวมถึงเตรียมเอกสารให้พร้อมด้วย สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล เตรียมข้อมูลมาแนะนำว่า ก่อนไป ขับรถ ต่างประเทศ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ? ตามไปดูกัน !
1. เตรียมเอกสารให้พร้อม
กรณีเช่ารถขับในต่างประเทศ
เอกสารที่จำเป็นต้องมีสำหรับการ ขับรถเที่ยวต่างประเทศ คือ ใบขับขี่สากล หรือใบขับขี่ระหว่างประเทศ (International Driving Permit) สามารถไปยื่นเรื่องขอได้ที่กรมการขนส่งทางบกใกล้บ้าน โดยจะมีทั้งหมด 2 ประเภท ให้เลือกทำตามประเทศที่ไป ดังนี้
1) ใบขับขี่ระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญาเจนีวา 1949
มีอายุ 1 ปี ใช้ได้ใน 101 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, นิวซีแลนด์, เบลเยียม, กัมพูชา, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์ เป็นต้น
2) ใบขับขี่ระหว่างประเทศ อนุสัญญาเวียนนา 1968
มีอายุ 3 ปี ใช้ได้ใน 84 ประเทศทั่วโลก เช่น บราซิล, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, อิหร่าน, ฮังการี, กรีซ, จอร์เจีย, เป็นต้น
สำหรับประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาทั้งสองฉบับ เช่น สหราชอาณาจักร, อิตาลี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน, รวมถึงประเทศไทย สามารถใช้ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ อนุสัญญาเวียนนา 1968 เพียงฉบับเดียวได้เลย
กรณีขับรถข้ามประเทศ
ส่วนใครที่จะนำรถของตัวเองไปขับเที่ยวในต่างประเทศ ขับข้ามชายแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย, กัมพูชา, ลาว มีเอกสารที่ต้องเตรียม ดังนี้
1) เอกสารสำหรับผู้ ขับรถ ต่างประเทศ
- กรณีขับในประเทศอาเซียน สามารถใช้ใบขับขี่ที่มีอยู่ได้เลย
- กรณีขับนอกประเทศอาเซียน ต้องมี ใบอนุญาตขับขี่สากล โดยสามารถยื่นเรื่องติดต่อได้ที่กรมการขนส่งทางบกจังหวัด และจะต้องต่ออายุแบบปีต่อปี
2) เอกสารสำหรับรถที่ใช้ขับในต่างประเทศ
ยื่นเรื่องขอได้ที่กรมการขนส่งทางบกจังหวัด ทุกจังหวัด
- พาสปอร์ตรถ หรือหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ
- เครื่องหมายแสดงประเทศ หรือสติกเกอร์ตัว T
- หนังสือรับรองการตรวจสภาพรถ เพื่อการใช้รถนอกราชอาณาจักร
- แผ่นป้ายทะเบียนรถภาษาอังกฤษ
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนฉบับภาษาอังกฤษ
3) เอกสารสำหรับขอพาสปอร์ตรถ และแผ่นป้ายทะเบียนภาษาอังกฤษ
- สำเนารับรองหนังสือจดทะเบียนรถ (ต้องไม่ค้างชำระภาษีประจำปี)
- สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (สำหรับรถติดไฟแนนซ์)
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่ได้ไปดำเนินการด้วยตัวเอง)
- สำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
4) เอกสารสำหรับยื่นออกจากชายแดนไทย
- ต.ม. 2 รายการเกี่ยวกับยานพาหนะขาเข้าและขาออก
- ต.ม. 3 บัญชีคนโดยสาร (สำเนาทะเบียนรถพร้อมหน้าเสียภาษี, สำเนาใบขับขี่ และเอกสารของผู้นำรถออก)
- หนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ
5) เอกสารสำหรับเข้าชายแดนประเทศปลายทาง
- หนังสือขออนุญาตใช้รถในพื้นที่ของแต่ละประเทศ ซึ่งในบางประเทศต้องดำเนินเอกสารล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง
- ซื้อประกันภัยบุคคลที่ 3 ของประเทศนั้นๆ โดยสามารถซื้อได้ที่ด่านตรวจชายแดน
อย่างไรก็ตามแต่ละประเทศ แต่ละบริษัทเช่ารถยนต์อาจจะมีเงื่อนไข รวมทั้งเอกสารที่ใช้เพิ่มเติมแตกต่างกันไป ดังนั้นจึงควรสอบถามข้อมูล รายละเอียดเอกสารอีกครั้งก่อนออกเดินทาง
2. ตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์
ก่อนจะ ขับรถเที่ยวต่างประเทศ อย่าลืมนำรถไปตรวจเช็กสภาพรถ เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง หากเป็นรถที่เช่าก็ต้องตรวจดูด้วยว่ารถที่ได้รับเป็นยี่ห้อและรุ่นเดียวกับที่จองและระบุไว้ในสัญญาเช่าหรือไม่ ก่อนเซ็นเอกสารต้องอ่านสัญญาให้ละเอียดให้ครบถ้วน รวมถึงสอบถามเรื่องประกันรถ เช็กสภาพของรถทั้งภายนอกภายใน เช่น ระบบเบรก ยางรถ น้ำมัน ไฟเลี้ยว ไฟหน้า ไฟท้าย ที่ปัดน้ำฝน อุปกรณ์ต่างๆ หากพบว่ามีปัญหาควรแจ้งขอเปลี่ยนรถ หรือหากรอบตัวรถมีร่องรอยขีดข่วน ก็สามารถถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอเอาไว้ เพื่อเป็นหลักฐานป้องกันการมีปัญหาเวลาคืนรถ
3. ศึกษากฎหมาย และกฎจราจรของประเทศนั้นๆ
กฎจราจรเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องศึกษาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนน และก็คงไม่มีใครอยากเสียเวลาไปจ่ายค่าปรับแทนที่จะไปเที่ยวสนุกๆ แน่ๆ เพราะในบางประเทศอาจมีสิ่งที่แตกต่างจากบ้านเรา เช่น การขับรถพวงมาลัยซ้าย เครื่องหมายจราจรที่บ้านเราไม่มี หรือในบางประเทศกฎหมายจราจรค่อนข้างเข้มงวดมากๆ อย่างที่ญี่ปุ่น ถ้าไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือถูกปรับไม่เกิน 50,000 เยน (ประมาณ 12,000 บาท) แม้จะเป็นทางม้าลายแบบไม่มีไฟสัญญาณ แต่ถ้ามีคนจะข้ามถนนก็ต้องหยุดรถ เพราะฉะนั้นจึงควรศึกษากฎหมาย และกฎจราจรของประเทศที่จะไปให้ดี ทั้งความเร็วในการขับขี่ ที่ห้ามจอด ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นต้น
4. วางแผนการเดินทาง
การ ขับรถเที่ยวต่างประเทศ ในสถานที่ไม่คุ้นเคย อาจทำให้หลงได้ง่ายๆ แม้จะมีตัวช่วยอย่าง GPS ก็อาจเกิดความผิดพลาด ทำให้ไปผิดที่ หรือเสียเวลาในการเที่ยวไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นก่อนออกเดินทางจึงควรปักหมุดให้ชัดเจน วางแผนการเดินทางว่าวันนี้จะไปที่ไหนบ้าง ใช้เส้นทางไหนจะสะดวกที่สุด รวมถึงจุดสังเกตต่างๆ และเผื่อเวลาเอาไว้มากกว่าที่ GPS บอก จะได้ไม่ต้องขับแบบเร่งรีบ
5. ทำความคุ้นเคยกับรถ
เมื่อไม่ใช่รถที่ขับประจำ ยิ่งในบางประเทศเป็นรถที่พวงมาลัยอยู่ด้านซ้ายด้วยแล้ว ก็อาจจะทำให้รู้สึกไม่ถนัด เพราะฉะนั้นจึงควรใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที ทำความคุ้นเคยกับรถ และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ด้วยการลองขับบนถนนที่รถไม่เยอะ หากจำเป็นต้องขับไปบนถนนนอกเมืองที่ขรุขระ คดเคี้ยว ถนนที่มีหิมะ ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นด้วย
6. เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ถึงจะวางแผนล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นใครที่จะ ขับรถ ต่างประเทศ ควรจะเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เช่น เติมน้ำมันให้เพียงพอ ชาร์จแบตโทรศัพท์ให้เต็ม หรือพกแบตเตอรี่สำรองไปด้วย จดเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินต่างๆ อาทิ เบอร์รถพยาบาลฉุกเฉิน เบอร์ตำรวจ เบอร์ของศูนย์เช่ารถยนต์ เป็นต้น รวมถึงควรศึกษาการซ่อมแซมรถยนต์เบื้องต้น พร้อมเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เพื่อให้อย่างน้อยๆ สามารถขับรถไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยได้
แค่เตรียมตัวให้พร้อม ก็เปิดประสบการณ์ใหม่กับการ ขับรถเที่ยวต่างประเทศ ได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะขับขี่ด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ ส่วนใครที่ขับรถไม่เป็น หรือไม่อยากขับรถเอง ไม่อยากวุ่นวายเตรียมเอกสาร ชอบเที่ยวต่างประเทศแบบชิลๆ มีรถรับส่งสบายๆ ก็สามารถเลือกไปเที่ยวกับทัวร์ได้ สะดวกสบาย มีให้เลือกลหายเส้นทาง สามารถทักหาพี่เห็ด มัชรูมทราเวล เพื่อจอง ทัวร์ต่างประเทศ ได้ทุกช่องทางเลย