
น้ำมันเครื่องเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถทุกคนควรใส่ใจในการเลือก เพราะถ้าใช้ไม่เหมาะกับเครื่องยนต์ อาจส่งผลให้เครื่องยนต์เสียหายหนักได้ ยิ่งเป็นรถมือสอง รถคลาสสิก หรือรถเก่า ยิ่งต้องดูให้ดีว่ารถของเราเหมาะกับน้ำมันเครื่องเบอร์อะไร ส่วนรถใหม่เมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ ก็ต้องถึงเวลาขยับเบอร์น้ำมันเครื่องเช่นกัน
วิธีดูเบอร์น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องตามท้องตลาดมีอยู่หลายเบอร์ ซึ่งหลายคนน่าจะเคยเห็นตัวเลขนี้ เช่น 0W20, 5W30 หรือ 10W40
W หมายถึง ค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่อง
- 0W คือ คงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
- 5W คือ คงความข้นใสไว้ได้ถึง -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
- 10W คือ คงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
- 15W คือ คงความข้นใสไว้ได้ถึง -10 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
- 20W คือ คงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
ตัวเลขหลัง W หมายถึง ค่าความหนืดข้น มีตั้งแต่ 5, 10, 20, 30, 40, 50, 60 ซึ่งความหนืดที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 20-40 ยิ่งค่ามาก ยิ่งหนืดมาก
รถเก่า ควรใช้น้ำมันเครื่องเบอร์อะไร
รถเก่าที่อายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไป ควรใช้น้ำมันเครื่องที่ค่าความหนืดสูงไว้ก่อน เพื่อลดการกินน้ำเครื่องในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน เช่น 15W30 หรือ 20W40
สาเหตุของการที่รถกินน้ำมันเครื่องเกิดจากเครื่องยนต์หลวมนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถที่ผ่านการใช้งานมานานแล้ว ดังนั้น หากใช้เบอร์น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดน้อยอาจทำให้น้ำมันเครื่องพร่องไว แม้จะไม่มีจุดไหนรั่วซึมก็ตาม

รถใหม่ ควรเลือกน้ำมันเครื่องเบอร์ไหน
สำหรับรถใหม่ควรเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดใส เพราะจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า เช่น 10W30 หรือ 10W40 และเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ค่อยขยับค่าความหนืดขึ้นเป็น 50
ทั้งนี้ทั้งนั้น บ้านเราเป็นประเทศที่อากาศร้อน จึงไม่ค่อยมีปัญหาที่ค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่องเท่าไหร่นัก การเปลี่ยนเบอร์น้ำมันเครื่องด้วยการขยับแค่ค่าความหนืดก็ถือว่าเพียงพอ

เลือกน้ำมันเครื่องอย่างไรให้ดีต่อเครื่องยนต์
น้ำมันเครื่องแบ่ง 3 เกรด ได้แก่
- น้ำมันเครื่องยนต์เกรดธรรมดา (Synthetic) มีส่วนผสมหลักเป็นน้ำมันแร่ที่กลั่นมาจากน้ำมันดิบ ราคาถูกที่สุด ใช้งานได้ประมาณ 3,000-5,000 กม.
- น้ำมันเครื่องยนต์เกรดกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) เป็นน้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ผสมกับน้ำมันแร่ที่กลั่นมาจากน้ำมันดิบ คนนิยมใช้มากที่สุด ดีกว่าเกรดธรรมดา ราคาถูกกว่าเกรดสังเคราะห์แท้ ใช้งานได้ประมาณ 5,000-7,000 กม.
- น้ำมันเครื่องยนต์เกรดสังเคราะห์แท้ (Fully Synthetic) มาจากการสังเคราะห์ทางเคมีอย่างพิถีพิถัน ประสิทธิภาพดีที่สุด และราคาสูงที่สุด ใช้งานได้ประมาณ 7,000-10,000 กม.
สรุป
รถเก่าควรใช้เบอร์น้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดมาก ประมาณ 50 ถือว่ากำลังดี ส่วนค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่องให้เลือกสักประมาณ 15W-20W
รถใหม่ควรใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดน้อยลงมา ประมาณ 30-40 ค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่องอาจจะอยู่ที่ 10W-15W
ส่วนการเลือกเกรดน้ำมันเครื่อง ถ้าจะให้ดีที่สุดต้องเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ (Fully Synthetic) เพราะหล่อลื่นได้ดี วิ่งได้นานกว่าเกรดธรรมดาและเกรดกึ่งสังเคราะห์
แต่ถ้าอยากประหยัดงบ แต่ใจก็อยากดูแลรถให้ดี น้ำมันเครื่องเกรดกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) ถือเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณมากที่สุด